4 ก.ค.63 - สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ในวันที่ 5 ก.ค. ใจความว่า ดิถีในวันอาสาหหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว การบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษในนักขัตฤกษ์นี้ มีขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดปฐมเทศนา "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" โปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น "พระรัตนตรัย"
วันอาสาฬหบูชาจึงเป็นโอกาสสำคัญที่พุทธบริษัทจักได้น้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ย้ำเตือนจิตใจตนให้มุ่งประพฤติตามหนทางแห่งอริยมรรค มุ่งไปสู่ความเกษมปราศภัยจากสังสารวัฏ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนาเมื่อแรกที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ทรงพระดำริว่าธรรมะที่ทรงบรรลุ ช่างละเอียดลุ่มลึกเหลือประมาณ จึงมิได้มีพระทัยน้อมไปในทางที่จะทรงแสดงธรรม
แต่ด้วยอานุภาพแห่ง "พระมหากรุณาคุณ" อุปมาดุจมหาพรหมผู้ประเสริฐ ยังให้ทรงพิจารณาเล็งเห็นว่า "สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยยังมีอยู่ ย่อมจะเสื่อมเพราะไม่ได้ฟังอบรมสัตว์ทั้งหลายผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักยังมีอยู่" จึงทรงตัดสินพระทัยประกาศพระธรรม เพื่อสัตว์ทั้งหลายจักได้สดับธรรมและรู้ตาม บรรดาที่จมอยู่ในความทุกข์โศก ถูกความเกิดแก่เจ็บตายครอบงำ ย่อมได้รู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์ ตามลำดับสติปัญญาอย่างค่อยเป็นค่อยไป นับแต่นั้นก็ทรงพากเพียรบำเพ็ญพระพุทธกิจโดยมิทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยากตรากตรำอยู่ถึง 45 ปีตราบกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน
วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้วยังนำพาให้เราทั้งหลายมั่นคงแน่วแน่ด้วยปณิธานแห่ง "ความกรุณา" เพราะฉะนั้น หากท่านกำลังเผชิญความเหนื่อยยากจากการบำเพ็ญกรณีกิจด้วยความกรุณา ขอจงอย่าลดละหรือท้อแท้ ขอให้ตระหนักแน่วแน่ก่อนกำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ ผู้ทรงพระมหากรุณาเป็นที่พึ่ง แล้วจะประคับประคองจิตใจให้อาจหาญรำเริง เบิกบานด้วยเมตตาการุณยธรม พร้อมกระทำคุณประโยชน์ ด้วยการพลีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ และกำลังสติปัญญาเกื้อกูลให้เพื่อนร่วมชาติ ร่วมสังคม สามารถก้าวพ้นจากทุกข์ภัย นำมาซึ่งสันติสุขร่วมกันของสรรพชีวิตบนโลกนี้สืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ.