24 ข้อควรรู้เกี่ยวกับคนตาบอดเขียนโดย น้องแอล ธนัญชกร สันติพรธดานิสิตพิการทางสายตา คณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่3
1. โปรดปฏิบัติกับคนตาบอดอย่างคนทั่วไป เพราะคนตาบอดไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรเลย เราแค่หลับตา ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความรู้สึก ความต้องการ และความสามารถที่จะใช้ชีวิต เราแค่ต้องการความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และเราจะยินดีมาก ถ้าทุกคนปฏิบัติอย่างปกติที่สุดแก่เรา
2. ไม้เท้าขาวทำให้คนตาบอดเดินทางได้ปลอดภัยระดับหนึ่ง ไม่เดินสะดุด ตกบันได และหลบสิ่งกีดขวางที่ติดพื้นได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะปลอดภัยจากเหลี่ยมมุมป้ายโฆษณา หรือกิ่งไม้ระดับศีรษะ
3. การช่วยเหลือคนตาบอด ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเข้าไปถามว่าต้องการความช่วยเหลือไหม ถ้าใช่ก็ให้คนตาบอดจับที่บริเวณข้อศอก เพราะเป็นส่วนที่เมื่อผู้นำทางมีการก้าวขึ้นลงคนตาบอดจะสามารถรับรู้ได้ทันที อย่างไรก็ตาม การบอกคนตาบอดว่ามีบันไดขึ้น-ลงก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ ไม่ต้องเดินช้าหรือเร็วจนเกินไปนัก เดินด้วยความเร็วที่พอดี
4. เรายังต้องการความช่วยเหลือจากคุณในหลายสถานการณ์ ทั้งการข้ามถนน การไปในสถานที่ไม่คุ้นชิน โปรดอย่าเสียความมั่นใจหากได้รับการปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนตาบอด เพราะมีหลายสาเหตุที่คนตาบอดจะทำเช่นนั้น คนตาบอดบางคนยังพอมองเห็นอยู่บ้าง ตั้งแต่เห็นแสง สามารถจำแนกสีได้ เห็นเป็นโครงร่าง จนไปถึงมองเห็นสามารถช่วยเหลือตนเอง หรือเป็นสถานที่คุ้นชินสามารถเดินไปเองได้ บางทีเราก็ไม่อยากรบกวนคุณเช่นกัน
5. แสงสว่างหมายถึงความปลอดภัย คนตาบอดบางคนไม่ต้องการอยู่ในที่มืด คนตาบอดบางคนยังพอเห็นแสงอยู่บ้าง อีกทั้งการเปิดไฟไว้ก็แสดงให้คนอื่นเห็นว่าที่นี่มีคนอยู่
6. อย่าเปิดประตูไว้ครึ่งๆ กลางๆ ควรเปิดหรือปิดเลย เพราะเป็นอันตรายสำหรับคนตาบอด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คนตาบอดคุ้นชิน ซึ่งไม่ได้ใช้ไม้เท้าขาวนำทาง
7. คนตาบอดมีระเบียบเป็นของตนเอง โปรดอย่าเคลื่อนย้ายข้าวของของคนตาบอดโดยไม่ได้บอกก่อน แม้เกิดจากความหวังดี เพราะคนตาบอดจะหาของไม่พบ
8. วิธีอ่านข่าวสารของคนตาบอดมีหลายวิธี ทั้งอักษรเบรลล์ มีผู้อ่านให้ฟัง และจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
9. ไม่ใช่คนตาบอดทุกคนที่อ่านอักษรเบรลล์ได้ หากไม่ได้รับการฝึกฝน
10. โปรแกรมอ่านหน้าจอทั้งในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ สามารถอ่านทุกอย่างที่เป็นตัวอักษรออกมาเป็นเสียงได้ ดังนั้นคนตาบอดจึงสามารถใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนได้ สามารถใช้โปรแกรม Microsoft office ส่องเฟซบุ๊ก โพสต์สเตตัสดราม่า แชทไลน์ ใช้ทวิตเตอร์ ดูคลิปในยูทูป รวมถึงซื้อของออนไลน์ได้ด้วย มีเพียงข้อมูลที่เป็นรูปภาพเท่านั้นที่โปรแกรมเข้าไม่ถึง ซึ่งคุณก็สามารถอธิบายข้อมูลเหล่านั้นให้คนตาบอดฟังได้
11. ใช้คำว่า “ดู” กับคนตาบอดได้ แม้เราจะรับรู้จากการฟังก็ตาม คงตลกหากบทสนทนาคือ “ละครตอนล่าสุดสนุกมากเลย เธอได้ฟังไหม”
12. ความสนใจและงานอดิเรกของคนตาบอดขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เช่นเดียวกับคนมองเห็น คนตาบอดบางคนชอบท่องเที่ยว ชอบเดินป่า ชอบเล่นกีฬา บางคนชอบดนตรี ชอบศิลปะ และยังมีคนตาบอดที่ดูซีรีย์ หรือชอบอ่านหนังสือนวนิยาย ซึ่งส่งผลต่อการเลือกเรียนในสาขาที่สนใจ มีทั้งคนตาบอดที่เรียนนิติศาสตร์ อักษรศาสตร์ ครุศาสตร์ กระทั่งวิศวกรรมศาสตร์ และการเลือกประกอบอาชีพ ในประเทศไทยมีคนตาบอดที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา เป็นครูอาจารย์ เป็นผู้ประกอบการ เป็นนักเต้น นักดนตรี นักเขียน
13. คนตาบอดจำแนกคนได้จากเสียงพูด บางคนจำได้จากกลิ่นน้ำหอม ไม่ใช่คนตาบอดทุกคนจะจำได้จากการคุยกันไม่กี่ครั้ง เพราะงั้นในการเจอครั้งต่อไป โปรดบอกชื่อของคุณ ดีกว่าถามว่าทายสิว่าใคร
14. คุณสามารถพูดคุยกับคนตาบอดได้โดยตรง ไม่ต้องคุยผ่านเพื่อน หรือผู้นำทาง และสามารถคุยได้ในระดับเสียงปกติ ไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังขึ้น หรือพูดให้ช้าลง หากเป็นคนตาบอดที่ไม่ได้มีความพิการซ้อน เราสามารถฟังได้โดยปกติ
15. ในการคุยกับคนตาบอด ควรทักคนตาบอดเพื่อให้ทราบว่าคุณกำลังคุยกับเรา ด้วยการเรียกชื่อ หรือสัมผัส และโปรดบอกเราเมื่อคุณจะไป อย่าปล่อยให้เราพูดคนเดียว และเมื่อมีบุคคลเข้ามาในการสนทนาหรือเข้ามาในห้อง โปรดบอกคนตาบอดให้เรารับรู้ เพื่อจะได้ทักทาย และบอกตำแหน่งว่าเขาอยู่ตรงไหน อย่าถือสาหากเราไม่ทักคุณก่อน เพราะเราไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณอยู่ตรงนั้นด้วย
16. ในการบอกตำแหน่งคนตาบอด สามารถบอกด้วยตำแหน่งของเข็มบนหน้าปัดนาฬิกา เช่น ตรงหน้าคือ 12 นาฬิกา ทางขวาคือ 3 นาฬิกา และทางซ้ายคือ 9 นาฬิกา หรือบอกว่าทางซ้าย-ขวา โปรดอย่าใช้คำว่าตรงนั้น ตรงนี้ ตรงโน้น เพราะเราไม่ทราบจริงๆ ว่าอยู่ตรงไหน
17. หากเป็นห้องที่มีการใช้เครื่องขยายเสียง โปรดบอกตำแหน่งของผู้พูดแก่คนตาบอด เพื่อเราจะได้ทราบ และหันหน้าถูกทาง
18. คนตาบอดสังเกตสภาพแวดล้อมได้จากประสาทสัมผัสอื่นๆ ทั้งการได้ยิน การดมกลิ่น, ทว่าก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ แน่นอนว่าคนตาบอดก็อยากรู้ถึงสีเขียวของต้นไม้ ความกว้างใหญ่ของทะเล กระต่ายกระโดด งานศิลปะแปลกตา ได้โปรดเล่าให้เราฟัง ไม่จำเป็นต้องอธิบายเก่ง บรรยายดี หรือมีวรรณศิลป์ในการพรรณนา
19. คนตาบอดสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเองได้ อย่างกินข้าว อาบน้ำ ซักผ้า ทำกับข้าว แต่ในบางครั้งอาจช่วยอธิบายตำแหน่งของสิ่งต่างๆ ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เช่น ตำแหน่งของจานข้าว แก้วน้ำ อุปกรณ์ในห้องพักหรือโรงแรม เป็นต้น
20. คนตาบอดไม่ได้หูดี หรือจมูกดีไปกว่าปกติ เพราะธรรมชาติหรือพระเจ้าทดแทนให้เรา เราแค่ไม่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยตา จึงมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งรอบตัวด้วยประสาทสัมผัสอื่นเป็นพิเศษแค่นั้นเอง
21. สำหรับคนตาบอดบางคน คำว่า “คนตาบอด” กับ “ผู้บกพร่องทางการเห็น” ไม่ได้มีความสุภาพต่างกัน แต่ไม่ใช่กับคนตาบอดทุกคน บางคนที่พึ่งตาบอดภายหลังยังไม่สามารถปรับตัวได้ คำว่า “คนตาบอด” อาจใจร้ายกับเขาเกินไป แต่กับบางคน คุณสามารถเรียกเขาว่าคนตาบอดได้เลย
22. อย่าเลือกเป็นเพื่อนกับคนตาบอดเพียงเพราะความสงสาร ความเห็นใจ เพราะคนตาบอดก็ต้องการมิตรภาพที่จริงใจ ไม่ต่างอะไรกับคนมองเห็น ไม่เชื่อก็ลองมาเป็นเพื่อนกับเราได้นะ
23. ให้เราได้ช่วยเหลือคุณบ้างในเรื่องที่เราทำได้ จงอย่าเกรงใจ เพราะเราก็อยากช่วยเพื่อนอย่างคุณเช่นกัน
24. มากกว่าความเห็นใจ เราอยากได้ “โอกาส” ให้เราได้ลอง ให้เราได้ทำ ให้เราได้เรียนรู้ไปด้วยกัน โปรดอย่าคิดแทน อย่าพึ่งตัดสินโดยที่เรายังไม่ได้เริ่มอะไรเลย, เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ในสังคมที่มีความหลากหลายอย่างมีความสุข